“คุณแม่คะ หนูมีคุณตามั้ยคะ”เสียงเจื้อยแจ้วของ “หนูดี”ถามคนเป็นแม่ด้วยความอยากรู้หลังกลับจากโรงเรียนในวันนั้น “ทำไมอยู่ดีๆถึงถามถึงคุณตาละลูก” ปวีณาตั้งคำถามกลับไปเพราะปกติหนูดีจะไม่ถามแบบนี้ “เพื่อนที่โรงเรียนหนูดีเขาเล่าให้ฟังว่าคุณตาของเขาใจดีมากเลย ชอบให้เขาขี่หลังด้วยคะแม่” แววตากลมโตเปล่งประกายอย่างมีความสุข “หนูดีอยากเจอคุณตาจังคะแม่พาหนูดีไปหาคุณตาได้ไหมคะ” ปวีณาเห็นว่าบทสนทนานี้คงไม่จบง่ายๆเธอจึงไปหยิบรูปคุณตาให้หนูดีใบหนึ่ง เผื่อว่าหนูดีเห็นหน้าคุณตาแล้วจะเลิกพูดไปเอง “นี่ไงคุณตาของหนูดี แต่ท่านอยู่ไกลมากเลยลูก ไว้แม่จะถามคุณพ่อให้นะรอคุณพอหยุดงานก่อน” หนูดีมองกลับไปที่แม่อย่างตื่นเต้น “หนูดีอยากไปหาคุณตานะแม่นะๆๆๆพาหนูดีไปหน่อยคะ”
บทสนทนาได้จบลงก่อนที่หนูดีจะได้คำตอบเมื่อได้ยินเสียงรถเข้ามา หนูดีก็ลืมคำถามนั้นวิ่งออกไปหาพ่อที่พึ่งกลับจากที่ทำงาน เย็นวันนั้นทุกคนต่างก็กินข้าวและแยกย้ายกันเข้านอน ปวีณาเล่าให้สามีฟังเรื่องที่หนูดีถามถึงคุณตา สามีเธอจึงปลอบว่าเดี๋ยวหนูดีก็ลืม เพราะหนูดียังเป็นเด็กมักจะสนใจในสิ่งใหม่ๆเสมอ ปวีณาคิดแบบนั้นซึ่งมันก็จริงหลังจากที่หนูดีดีใจที่พ่อกลับบ้านก็ไม่ได้ถามถึงคุณตาอีกเลย แต่ทว่า….ปวีณาคิดผิด
ในวันหยุดพ่อกับแม่หนูดีไปปลูกผักหลังบ้าน ส่วนหนูดีเล่นกับเจ้าโบ้สุนัขพันธุ์ไทยที่แสนฉลาดที่หน้าบ้าน เจ้าโบ้คอยปกป้องหนูดีมาตั้งแต่เด็กๆ เหมือนเพื่อนรักของหนูดีเลยก็ว่าได้ “พี่โบ้หนูดีจะไปหาคุณตา พาหนูดีไปหน่อยสิ” เจ้าโบ้สะบัดหางไปมา พร้อมกับวิ่งรอบๆตัวหนูดี หนูดีหัวเราะชอบใจเพราะคิดว่านั่นคือคำตอบ “เพล๊ง” เจ้าหมูอ้วนที่หนูดีเก็บออมไว้ได้แตกเป็นเสี่ยงๆ หนูดีนับเงินนั้นแล้วเก็บใส่กระเป๋า เตรียมน้ำและขนมเล็กน้อยใส่ลงไปในนั้น “ไปกันพี่โบ้” เด็กน้อยวิ่งเหยาะๆออกไปที่ประตูหน้าบ้าน แต่ว่าประตูนั้นล๊อก ส่วนโบ้ออกไปรอด้านนอกแล้ว หนูดีเป็นรูที่โบ้ใช้เป็นทางออกจึงทำตาม
เด็กน้อยกับหมาอีก 1 ตัว เดินตามข้างทางอย่างไร้จุดหมาย หนูดีกำรูปคุณตาไว้แน่น จำได้ว่าแม่บอกว่าคุณตาอยู่ไกล บ้านคุณตามีต้นดอกพุทธอยู่หน้าบ้านเหมือนบ้านของหนูดี แรกๆเธอก็เดินอย่างกระฉับกระเฉง จนกระทั่งเที่ยงความหิวเริ่มเข้ามา มองไปทางไหนก็ไม่รู้จัก เจ้าโบ้ก็หอบแฮกๆอยู่ข้างๆ เด็กน้อยจึงรินน้ำที่เอาด้วยให้โบ้กิน ส่วนตัวเองกินขนมปังที่ติดมาเพียงเล็กน้อย หนูดีตกใจเสียงเจ้าโบ้เห่าดังมาก หมาเจ้าถิ่น 4 ตัวกำลังจะเปิดศึกกับเจ้าโบ้ ส่วนเจ้าโบ้นั้นขู่คำรามและถอยมาที่หนูดีราวกับว่าจะปกป้องเธอ หนูดีด้วยความที่ไม่เคยเจอสถานการณ์แบบนี้เธอจึงคว้าไม้แถวนั้นจะตีหมา แต่พวกมันกลับกรูเข้ามา เจ้าโบ้ใช้หัวดันหนูดีให้ไปหลบหลังต้นไม้ใหญ่ก่อนที่จะหันมาเผชิญหน้ากับหมาเจ้าถิ่นต่อ “อย่ามาซ่านะโว้ยที่นี่ถิ่นพวกข้า เอาของกินมาให้หมด” เจ้าแดงหัวหน้าแก๊งค์ขู่เจ้าโบ้ “ไม่ให้นั่นมันของเจ้านายข้า ไม่ต้องพูดมากเข้ามาเลยไอ้พวกหมาหมู่” เจ้าแดงชักจะฉุน “ขอดีๆไม่ได้ใช่ไหม อย่ามาว่าพวกข้าใจร้ายนะ” อีกสามตัวก็ก้าวขาเข้ามาสมทบเจ้าแดง ถึงจำนวนจะมากกว่า แต่ว่าเจ้าโบ้สุนัขพันธุ์บางแก้วก็มีความกำยำน่าเกรงขามอยู่ไม่น้อย ต่างฝ่ายต่างขู่คำรามกันไปมา
จนกระทั่งเสียงสุนัขตัวน้อยดังออกมาจากหลังต้นไม้ตำแหน่งที่หนูดีอยู่ เจ้าโบ้รีบวิ่งไปเพราะกลัวหนูดีจะมีอันตราย สุนัขเจ้าถิ่นก็วิ่งไปเช่นกันเดียวเพราะมีลูกน้อยของสีนวลอยู่ตรงนั้น ภาพที่เห็นคือหนูดีอุ้มสุนัขตัวน้อยไว้ในอ้อมกอดและใช้ไม้ตีตัวเงินตัวทองอาการหิวโหยเหมือนจะเอาหมาน้อยเป็นอาหาร และหมาทุกตัวก็กรูเข้าไปขับไล่ตัวเงินตัวทองจนมันต้องหลบไป จากนั้นเหล่าหมาเจ้าถิ่นจึงสงบศึกกับเจ้าโบ้ เจ้าโบ้บอกกับสุนัขเจ้าถิ่นว่าหนูดีจะไปบ้านคุณตาแต่ไม่รู้อยู่ไหน สีนวลรู้สึกซาบซึ้งใจที่หนูดีช่วยลูกเธอไว้ทั้งหมดจึงตัดสินใจจะเดินทางไปกับหนูดีเพื่อปกป้องหนูดี ภาพของเด็กหญิงพร้อมกับสุนัข 5 ตัวและลูกสุนัขที่เด็กหญิงอุ้มแนบอก เป็นที่แปลกตาของคนที่พบเจอ หนูดีเดินไปตามทางจนกระทั่งมืด ความหิว และความกลัวเริ่มปรากฏขึ้น เมื่อความกลัวเข้ามาแทนที่หนูดีเริ่มร้องไห้และเดินลัดเลาะไปที่ใต้สะพานลอยหวังจะยึดเป็นที่หลับนอน เจ้าโบ้เข้าไปใช้ปลายคางเกยที่ไหล่หนูดีเหมือนกับจะปลอบว่าไม่เป็นไรนะ ใจเย็นๆ สุนัขเจ้าถิ่นอีก 4 ตัวก็วิ่งเล่นไล่กันไปมา กัดหางกันบ้าง กระโดดหยอกล้อกัน จนทำให้หนูดีหัวเราะออกมาและลืมความเศร้า เด็กน้อยหยิบขนมที่เหลืออยู่มากินและแบ่งให้เหล่าบรรดาสุนัข พร้อมกับค่อยๆเอนตัวลงกอดกระเป๋าเป้ไว้และหลับไป เหล่าองครักษ์ของหนูดีนอนรอบๆตัวเธอ ลูกหมาน้อยก็เข้าไปหนุนตักหนูดีนอน ค่ำคืนนี้ก็ผ่านไปอีกคืน
ทางด้านพ่อกับแม่หนูดีเมื่อหาหนูดีจนทั่วไม่เจอ และเจ้าโบ้ก็หายไปพร้อมๆกัน พ่อของหนูดีเลยคิดได้ว่าเมื่อคืนหนูดีถามถึงบ้านคุณตา เขาคิดว่าหนูดีคงถามเรื่อยเปื่อยไปจึงได้ตอบแบบส่งๆไป ปวีณาจึงเล่าให้สามีฟังเรื่องที่หนูดีอยากไปหาคุณตา แต่เธอยังไม่ได้ให้คำตอบ ทั้งสองจึงเข้าไปแจ้งความคนหายที่สถานีตำรวจ และออกตามหาหนูดี
ทางด้านหนูดีเมื่อตื่นขึ้นมา ก็เริ่มต้นออกเดินทางอีกครั้ง เธอและบรรดาองครักษ์สี่ขาเดินไปตามถนนเป็นจุดสนใจของคนแถวนั้นมาก จนกระทั่งเกือบเที่ยงหนูดีหิวข้าวเมื่อเอาเงินที่ติดตัวออกมาเธอจึงเข้าร้านสะดวกซื้อเพื่อซื้อน้ำและอาหารให้เหล่าองครักษ์ ภาพที่หนูน้อยแบ่งน้ำแบ่งอาหารให้สุนัข 6 ตัวก็กลายเป็นจุดสนใจ ของคนที่ผ่านไปมา บางคนก็หยุดถามเด็กน้อยด้วยความเป็นห่วงแต่ก็ต้องถอยออกไปเพราะองครักษ์เห่าขู่ มีคนถ่ายคลิปนั้นไว้จนกลายเป็นไวรอลในโลกโซเชียล ข่าวของเด็กหญิงและองครักษ์ของเธอเผยแพร่ออกไป จนกลายเป็นข่าวโด่งดัง ปวีณาและสามีเห็นข่าวจึงรีบตามไปแต่หนูดีได้ออกเดินทางไปแล้ว หนูดีใช้รูปคุณปู่ถามคนที่ผ่านไปมา แต่ก็ไม่มีใครรู้จัก จนกระทั่งมาเจอผู้ชายคนหนึ่งบอกว่ารู้จักตาหนูดี และยินดีจะขับรถไปส่ง หนูดีดีใจมากจึงจะเดินตามเขาขึ้นรถ แต่หนูดีขอเอาสุนัขทั้งหมดไปด้วย ชายคนนั้นไม่ยอม หนูดียืนยันว่าถ้าสุนัขไม่ได้ไปเธอก็จะไม่ไป ผู้ชายคนนั้นเห็นว่าหนูดีดื้อ จึงคิดจะอุ้มหนูดีขึ้นรถ แต่เจ้าโบ้และสุนัขเจ้าถิ่นกระโดดขวางทาง และเข้ากัดชายคนนั้นจนต้องวิ่งหนีไป หนูดีร้องๆดังขึ้นเรื่อยๆจนมีป้าใจดีคนหนึ่งมาพบ หนูดีเล่าเหตุการณ์ทั้งหมดให้ป้าฟัง ป้าจึงไม่รอช้าโทรแจ้งตำรวจเพื่อติดต่อผู้ปกครอง เมื่อตำรวจมาถึงจะรับหนูดีไปที่ สน. ก่อน เจ้าหมาไม่ยอมให้ตำรวจเข้าใกล้เลย ตำรวจจึงบอกหนูดีว่าให้บอกสุนัขของเธอว่าจะไปรอคุณตาที่ สน.กับลุงตำรวจก่อน และลุงตำรวจจะเอาสุนัขเหล่านั้นไปด้วย ทั้งหมดจึงไปอยู่ที่ สน. เด็กหญิงนอนแผ่กับเก้าอี้ยาวที่ สน.อย่างเหนื่อยล้า โดยมีองครักษ์รายล้อมอยู่รอบๆ “สุนัขพวกนี้ช่างซื่อสัตย์และรักเจ้าของมาก” ตำรวจนายหนึ่งพูดขึ้นมาโดยสายตามองไปที่หนูดี ไม่นานตำรวจก็ติดต่อครอบครัวหนูดีได้ ปวีณาและสามีรีบมาที่ สน.เพื่อรับตัวหนูดีกลับ เมื่อหนูดีตื่นขึ้นเห็นแม่และพ่อก็ดีใจมาก “หนูกำลังจะตามหาบ้านคุณตาคะ หนูดีอยากเจอคุณตา” ปวีณาร้องไห้และสัญญากับหนูดีว่าจะพาหนูดีไปบ้านคุณตาเดี๋ยวนี้เลย เมื่อเสร็จทุกอย่างหนูดีและเจ้าโบ้กำลังจะขึ้นรถ แต่หนูดีก็ต้องชะงักเหมือนพึ่งนึกได้ว่าเธอยังมีสุนัขอีก 5 ตัว ที่มากับเธอ หนูดีมองไปยังเจ้าแดงและเพื่อนๆของมัน นั่งมองหนูดีด้วยแววตาละห้อย พวกมันเป็นหมาจรไม่เคยมีบ้าน ไม่เคยได้รับความอบอุ่น ไม่เคยได้กินอิ่ม นอนหลับแบบสบายใจ ตั้งแต่มาเจอหนูดีมันก็รู้สึกดีและรักหนูดี หนูดีวิ่งมากอดสุนัขทั้งหมด ภาพนั้นทำให้ปวีณาและสามีเธอเกิดความประทับใจ เพราะตำรวจเล่าให้ฟังเรื่องราวที่สุนัขเหล่านี้ช่วยกันปกป้องหนูดี พวกเขาจึงตัดสินใจเอาทั้งหมดขึ้นรถและตรงไปที่บ้านสวนของคุณตา
บ้านของคุณตาเป็นบ้านสวน มีต้นไม้ปลูกรอบๆ และมีต้นดอกพุดที่กำลังออกดอกส่งกลิ่นหอมไปรอบๆบ้าน คุณตาก็รออยู่หน้าบ้านอยู่แล้วเพราะปวีณาได้โทรบอกเรื่องทุกอย่างให้พ่อเธอฟัง หนูดีดีใจมากที่ได้เจอคุณตา วิ่งเข้าสวมกอด วันนั้นทุกคนจึงได้ทานข้าวพร้อม และไม่ลืมที่จะจัดอาหารให้กับสุนัขทั้งหมด เจ้าแดงและเพื่อนๆดีใจมากที่ได้กินอิ่ม เป็นมื้อแรกของพวกเขาเลยก็ว่าได้ที่ได้รับความรักความเมตตาแบบนี้ เมื่อถึงเวลากลับคุณตาบอกว่าจะรับเลี้ยงเจ้าแดงและเพื่อนๆของมันเอง หนูแดงดีใจมากที่พวกเขาจะมีบ้านอยู่แล้ว ปวีณาก็เห็นด้วยเพราะพ่อเธออยู่บ้านคนเดียว มีสุนัขอยู่เป็นเพื่อนจะได้ไม่เหงาและที่สำคัญช่วยปกป้องพ่อของเธอได้ด้วย หนูดีสัญญากับเจ้าแดงและเพื่อนๆว่าจะหมาเยี่ยมบ่อยๆ และกอดทีละตัวจนครบทุกตัว พร้อมกับขึ้นรถกลับบ้านกับเจ้าโบ้ หลังจากนั้นปวีณาและสามีก็พาหนูดีมาบ้านคุณตาบ่อยขึ้น ทำให้ความสัมพันธ์ในครอบครัวกระชับแน่นแฟ้นขึ้น คุณตาก็ไม่เหงา สุนัขจรก็ได้บ้านและได้รับการดูแลอย่างดี หนูดีก็ร่าเริงขึ้น ปวีณาก็ได้ใกล้ชิดกับพ่อมากขึ้นอีกครั้ง
ความรักคือความเมตตา และใส่ใจกัน เหตุการณ์ของหนูดีน้องๆอย่าได้เอาเป็นแบบอย่างนะคะ หากจะออกจากบ้านเราต้องแจ้งผู้ใหญ่ให้รับทราบและพาไป ไม่ไปเพียงลำพัง เพราะสังคมทุกวันนี้อันตรายรอบด้าน ทุกคนอาจจะไม่ได้โชดดีเหมือนหนูดีคะ