คืนหนึ่งในฤดูหนาว ลมพัดแรงจนหน้าต่างกระท่อมเก่าของ “นวล” สั่นสะเทือน เด็กสาววัยสิบหกปีนั่งขดตัวอยู่หน้ากองไฟ สองมือโอบกอดเข่าพลางจ้องมองสร้อยคอเส้นหนึ่งที่เธอเพิ่งพบในป่าหลังหมู่บ้าน  มันเป็นสร้อยคอเงินเก่าแก่ มีจี้รูปพระจันทร์เสี้ยว สภาพดูเก่าและเหมือนถูกทิ้งไว้นานหลายปี แต่ทันทีที่ปลายนิ้วของนวลสัมผัสมัน ภาพบางอย่างก็วาบเข้ามาในหัวของเธอ

           เสียงร้องไห้ของเด็กหญิงตัวเล็ก ภาพเธอถูกลากไปตามพื้นหิมะ เลือดสีแดงเปื้อนชุดสีขาวสะอาดตา ก่อนที่ทุกอย่างจะมืดดับไปนวลสะดุ้งเฮือก หัวใจเต้นระรัวจนแทบหลุดออกมา นี่มันอะไรกัน!?

             เธอเคยมีความสามารถแปลก ๆ มาตั้งแต่เด็ก นั่นคือการสัมผัสสิ่งของเก่าแก่แล้วเห็น “ความทรงจำที่ถูกลืม” เธอมักจะบอกเล่าเรื่องราวให้คนในครอบครัวฟังแต่ไม่มีใครเชื่อ บอกเพื่อนก็หาว่าเธอบ้า เธอจึงไม่ค่อยมีเพื่อนนัก  แต่เธอไม่เคยเห็นภาพที่รุนแรงและชัดเจนขนาดนี้มาก่อน“สร้อยนี่เป็นของใครกัน…” นวลพึมพำพลางพลิกดูจี้พระจันทร์ ก่อนจะพบว่าด้านหลังมีอักษรสลักไว้ แม้ตัวอักษรจะเลือนรางไปบ้าง แต่เธอยังพออ่านได้ว่า…

“ให้ลูกแม่…ขอให้เธอปลอดภัย”

          หัวใจของนวลเต้นแรงกว่าเดิม เธอไม่รู้ว่าสร้อยเส้นนี้เกี่ยวข้องกับใคร แต่มีบางอย่างบอกเธอว่า มันอาจนำไปสู่ปริศนาการหายตัวไปของเด็กหญิงคนหนึ่งเมื่อ 2 ปีก่อน คดีที่ทุกคนในหมู่บ้านเลือกจะลืม…และบางที สิ่งที่นวลเห็น อาจไม่ใช่แค่ภาพอดีตธรรมดา แต่มันกำลังพยายามบอกอะไรบางอย่างกับเธออยู่…

        นวลไม่อาจปล่อยเรื่องนี้ไปเฉย ๆ เธอเริ่มค้นคว้าประวัติของหมู่บ้านและพบว่ามีเด็กหญิงชื่อ “ลิน” หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยเมื่อ 2 ปีก่อน ครอบครัวของเธอย้ายออกจากหมู่บ้านทันทีหลังจากเกิดเหตุ และไม่มีใครพูดถึงเธออีกเลยนวลตัดสินใจนำสร้อยไปให้ยายคำ ผู้เฒ่าผู้รู้เรื่องราวเก่าแก่ของหมู่บ้าน ดวงตาของยายคำเบิกกว้างทันทีที่เห็นสร้อย“ของของลิน…” เสียงของยายสั่นเครือ “ตอนนั้นไม่มีใครเชื่อว่ายัยหนูถูกพาตัวไป ทุกคนบอกว่าเธอพลัดตกน้ำตาย แต่ไม่มีร่าง…”

           นวลขอให้ยายคำช่วยเธอไขปริศนา การกระทำของทั้งสองได้อยู่ในสายตาของกำนัน ซึ่งยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือ กำนันบอกว่าลินก็ถือว่าเป็นคนในครอบครัวใหญ่ที่มีเขาปกครองเช่นกัน นวลดีใจมากที่มีผู้ใหญ่ให้ความสำคัญและยื่นมือเข้าช่วยเหลือ ยายคำทำท่ากึกๆกักๆเหมือนอยากจะบอกอะไรนวลแต่โดนสายตาของกำนันปรามไว้ก่อน  กำนันจึงอาสาพานวลตามหาโดยแกะรอยตามพลังวิเศษที่นวลมี  ทั้งสองเริ่มที่บ้านของลินก่อนเมื่อนวลใช้มือสัมผัสกับตัวบ้านก็เห็นภาพครอบครัวที่มีความสุข แต่สักพักก็มีแต่เสียงร้องไห้ นวลกำลังจะเห็นสาเหตุที่ทำให้ครอบครัวนี้ร้องไห้ แต่ก็ถูกปลุกจากพวังโดยกำนัน ที่บอกว่าเห็นร่องรอยบางอย่างในป่าหลังบ้าน นวลรีบตามไปอย่างไม่ลังเล 

          ทางเดินนั้นทุกลักทุเลไม่น้อย ระยะทางลึกเข้าไปในป่าจนเห็นที่ซากกระท่อมร้างกลางป่า และที่นั่นเอง นวลเห็นภาพสุดท้ายของลินผ่านสัมผัสของเธอ เด็กหญิงถูกขังอยู่ที่นี่ก่อนจะสิ้นใจเพราะความหนาวเหน็บ นวลกำลังจะบอกกำนันถึงจุดที่มีร่างของลินฝังอยู่ แต่เท้าดันไปสะดุดกับพื้นไม้จนเสียหลักคว้าไปที่ชายเสื้อของกำนัน  ทันใดนั้นเองนวลถึงกับสะบัดมือออกและหน้าถอดสีทันที เพราะนวลเห็นภาพในอดีตว่าคนที่ทำให้ครอบครัวของลินคือกำนันนั่นเอง จึงบอกกำนันว่าตนรู้สึกไม่ค่อยสบายอยากกลับบ้านก่อนพรุ่งนี้ถึงจะมาใหม่ กำนันยิ้มรับอย่างใจดีผายมือให้นวลเดินนำหน้าก่อน แกจะระวังหลังให้ แต่ทว่า นวลกลับโดนของแข็งทุบที่ท้ายทอยจนหมดสติไป

           พอฟื้นขึ้นมานวลก็เห็นตัวเองนอนรักษาตัวที่โรงพยาบาล ข้างๆมีแม่รออยู่อย่างกระวนกระวาย เมื่อแม่เห็นนวลฟื้นก็หยิกนวลจนร้องเสียงหลง และเล่าเรื่องทั้งหมดให้นวลฟังว่ายายคำเล่าทุกอย่างให้แม่เธอฟัง แม่เธอจึงแจ้งทางการและรีบตามหานวล พบกำนันต้องการปิดปากนวลเพราะรู้ว่านวลรู้ทุกอยาง ตำรวจไปพบขณะที่กำลังขุดหลุมเพื่อฝังนวลใกล้ๆกับหลุมที่มีร่างของลิน กำนันจึงโดนจับพร้อมหลักฐานที่มัดตัวแน่น

           หมู่บ้านสั่นสะเทือนจากความจริงที่ถูกเปิดเผย เจ้าของคดีในอดีตถูกนำตัวมาสอบสวน และครอบครัวของลินได้รับความเป็นธรรมในที่สุด  เหตุที่ไม่มีใครในหมู่บ้านอยากยุ่งเรื่องนี้เพราะคนที่กระทำผิดคือกำนันสมยศผู้มีอิทธิพลในหมู่บ้าน ซึ่งอยากได้ที่ดินของพ่อเด็ก แต่ด้วยครอบครัวของลินยากจนมีที่ดินทำกินและเป็นที่อยู่อาศัยเพียงผืนเดียว อีกทั้งยังถูกกดราคาจึงไม่ยอมขายให้ ครอบครัวนี้ถูกข่มขู่มาตลอดจนสุดท้ายก็ไปทำกับเด็กที่ไม่รู้เรื่องอย่างลิน เหตุที่กำนันอยากได้ที่ของครอบครัวนี้มากเพราะสืบรู้ว่าที่ท้ายสวนเป็นบ่อน้ำแร่ที่สามารถทำเงินมหาศาลให้กับกำนันได้  

         เมื่อคนร้ายได้รับผลกรรม ครอบครัวผู้ถูกกระทำได้รับความยุติธรรม  นับตั้งแต่นั้นมาพลังวิเศษของนวลก็หายไป กลายเป็นเด็กหญิงธรรมดาเหมือนคนทั่วๆไป   ถึงเธอจะไม่มีพลังวิเศษเห็นเรื่องราวต่างๆได้เหมือนเคย แต่นี่คือความสุขที่เธอโหยหามาทั้งชีวิต เพราะความธรรมดาแต่ให้ความสุขแบบไม่ธรรมดานั่นเอง