“ไอ้ดำตับเป็ด ไอ้ดำตับเป็ด” เสียงล้อเลียนปนกับเสียงหัวเราะชอบใจดังจนได้ยินไปถึงห้องพักครูข้างๆ  คุณครูสมศรีก็อดไม่ได้ที่จะเข้ามาปรามเหมือนทุกครั้ง เมื่อสิ้นคำสั่งให้แยกย้ายนักเรียนทุกคนก็แตกกระจายกันออกไปเล่นที่อื่นเหลือแค่เด็กชายที่นั่งกอดเข่าคุดคู้อยู่กลางวงเพียงลำพัง คุณครูสมศรีมองหน้าโจอี้ด้วยความสงสารและเห็นใจพร้อมกับยิ้มอ่อนๆให้  เด็กชายยิ้มตอบด้วยรอยยิ้มที่ไร้เดียงสา โจอี้พึ่งย้ายมาเรียนได้เพียง 1 เดือน เด็กชายผิวสีเข้ม ดวงตาโต และผมหยิกตามแบบฉบับของลูกครึ่งผิวสีเป็นสิ่งแปลกใหม่สำหรับชุมชนหลังเขาที่ห่างไกลความเจริญอย่างหมู่บ้านชนบทแห่งนี้ แต่ละวันที่โรงเรียนช่างยาวนานนัก

        วันหนึ่งขณะที่โจอี้กลับจากโรงเรียนระหว่างทางเดินกลับบ้านนั้นเขาได้ยินเสียงร้องเบาๆอยู่ในพุ่มไม้ โจ้อี้จึงค่อยๆย่องเข้าไปดูได้เจอกับลูกสุนัขตัวหนึ่งขาติดอยู่ที่เถาวัลย์ และน่าจะติดมานานแล้วดูจากท่าทางที่อ่อนแรง โจ้อี้รีบทิ้งกระเป๋าเพื่อเข้าไปช่วย แต่ว่าลูกสุนัขตัวนั้นกลับส่งเสียงขู่และแยกเขี้ยวใส่โจอี้ เด็กน้อยชะงักเล็กน้อยก่อนนึกขึ้นได้ว่าเขามีขนมปังชิ้นหนึ่งที่คุณครูสมศรีให้มายังไม่ได้กิน โจอี้แกะออกพร้อมกับยื่นให้สุนัขตัวนั้น  เจ้าสุนัขค่อยๆนั่งลงและครางหงิงๆกระดิกหางเล็กน้อย โจอี้จึงค่อยๆยื่นขนมให้มันกิน มันกินด้วยความหิวกระหายและสุดท้ายโจอี้ก็ช่วยมันออกมาจากเถาวัลย์นั้นได้ จากนั้นเด็กชายก็เดินทางกลับบ้านตามเส้นทางเดิมเมื่อเห็นว่าสุนัขตัวนั้นปลอดภัยแล้ว 

           แต่ทว่าเมื่อเขาหันหลังไปกลับเจอมันเดินตามเขาพร้อมกับทำตาแป๋วแกว่งหางเหมือนใบพัด โจ้อี้เข้าไปลูบหัวอีกครั้งพร้อมกับบอกให้มันกลับบ้านเพราะดูลักษณะแล้วน่าจะมีเจ้าของ เมื่อหันหลังเดินมันกลับเดินตามเขา ครั้งนี้โจอี้สปีดเดินเร็ว มันก็เร่งฝีเท้าตามเขา จนกระทั่งโจอี้วิ่งมันก็วิ่งตามเขาอย่างไม่ลดละเช่นกัน กลายเป็นว่าโจอี้ทิ้งกระเป๋านักเรียนลงและวิ่งวนต้นไม้เล่นกับมันอยู่แบบนั้น เสียงหัวเราะที่สดใสอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนตลอดเวลาที่อยู่ที่นี่ได้เกิดขึ้นกับโจอี้อีกครั้ง เจ้าหมากระโดดหยอกล้อเลียหน้า เลียปากโจอี้เหมือนรู้จักกันมาแสนนาน จนกระทั่งเพื่อนกลุ่มเดิมที่แกล้งโจอี้ คือไอ้แดง ไอ้ไข่ ไอ้ช้างและไอ้อ้วน เดินมาเห็น พวกเขาเอากระเป๋านักเรียนโจ้อี้มาโยนรับกันไปกันมาในขณะที่โจอี้ก็วิ่งตามกระเป๋าเขาอย่างเหนื่อยหอบ ยิ่งเห็นโจอี้ทำท่าเหมือนจะร้องไห้ ยิ่งพากันหัวเราะเสียงดังชอบใจที่แกล้งโจอี้ได้ จนกระทั่งมีรูปใบหนึ่งตกลงมาจากกระเป๋า ไอ้แดงหยิบขึ้นมาและทำท่าจะฉีก มันเป็นรูปของโจอี้และพ่อกับแม่เขาใบเดียวที่เขามี โจอี้จึงเอาแรงฮึดสุดท้ายตะลุมบอนกับไอ้แดงเพื่อแย่งรูปใบนั้นกลับมา เมื่อเพื่อนๆเห็นไอ้แดงเสียเปรียบก็เข้าไปรุมโจอี้ แต่ทันใดนั้น เจ้าสี่ขาก็กระโจนเข้าไล่และขู่จะกัด เด็กสี่คนจึงวิ่งหนีกระเจิงไป โจอี้รีบเก็บรูปนั้นเข้าในกระเป๋าตามเดิม และกอดหมาตัวนั้นไว้แน่น น้ำตาแห่งความอัดอั้นไว้นานก็พรั่งพรูออกมา โจอี้จึงตัดสินใจพามันกลับบ้าน และเมื่อถึงบ้านยายที่เห็นหลานเลอะเทอะเปรอะเปื้อนแถมมีลูกสุนัขมาด้วย 1 ตัว ก็ตกใจ แต่เมื่อได้ฟังโจอี้เล่าให้ฟัง ยายจึงยอมให้โจอี้เลี้ยงเจ้าหมาเพราะยายก็สงสารที่โจอี้ไม่มีเพื่อนเลย โจอี้จึงตั้งชื่อมันว่า “เจ้าฮีโร่” 

          ตั้งแต่มีฮีโร่ชีวิตของโจอี้ก็มีความสุขมากขึ้น กิน นอน อาบน้ำ ทุกกิจกรรมแทบจะทำด้วยกัน ยกเว้นตอนไปโรงเรียนยายต้องจับเจ้าฮีโร่ขังไว้เพราะจะตามโจอี้ไปให้ได้  เวลาผ่านไปเกือบหนึ่งปีโจอี้กับฮีโร่ก็มีความรักและความผูกพันกันมากขึ้น โจอี้พึ่งสังเกตว่าฮีโร่เป็นสุนัขพันธุ์ดี ร่างกายแข็งแรงกำยำยิ่งโตขึ้นความสง่างามก็มากขึ้น โจ้อี้มีความสุขมากเมื่ออยู่กับฮีโร่และยายที่บ้าน แต่ทว่าเมื่อไปโรงเรียนปัญหาเดิมๆก็เกิดไม่หยุดไม่สิ้นกับกลุ่มเดิมที่ชอบแกล้งโจอี้  อยู่มาวันหนึ่งกลุ่มเดิมแกล้งโจอี้หนักจนกระทั่งโจอี้บาดเจ็บ คุณครูสมศรีจึงลงโทษด้วยการตีเด็กกลุ่มนั้นคนละหลายที แทนที่จะสำนึกแต่กลับสร้างความเจ็บแค้นให้กับเด็กกลุ่มนั้นมากขึ้น  

           หลายวันผ่านไปจนมาถึงวันหยุดโจอี้ต้องพายายไปวัดจึงต้องขังเจ้าฮีโร่ไว้ จนกระทั่งกลับมาเจ้าฮีโร่ไม่อยู่โจอี้ตามหารอบๆตัวบ้านไม่เจอ จึงนึกได้ว่าเจ้าฮีโร่อาจจะตามเขาไปโรงเรียนเพราะนึกว่าเขาไปโรงเรียน โจอี้ไม่รอช้าที่จะวิ่งตามไปแต่ในระหว่างทางเขาก็ได้เจอกับกลุ่มเด็กเกเรกลุ่มเดิมที่ยืนขวางทางไว้ โจอี้ร้อนใจเรื่องฮีโร่จึงไม่อยากสนใจแต่ทว่าเบื้องหลังของเด็กพวกนั้นคือเจ้าฮีโร่ที่โดนมัดคอติดกับต้นไม้อยู่ ลำตัวฮีโร่มีบาดแผล และมองโจอี้เหมือนจะบอกว่ามันเจ็บมาก โจอี้รู้ทันทีว่าเกิดอะไรขึ้นกับฮีโร่ ไอ้แดงหัวหน้าแก้งค์แกล้งโจอี้ให้เขาคลานสี่ขาเหมือนหมาเพื่อไปหาฮีโร่ ด้วยความรักต่อฮีโร่โจอี้จึงทำตาม แต่ระหว่างทางที่จะผ่านไอ้แดงมันกลับเตะเข้าที่ขาของโจอี้อย่างแรง โจอี้ด้วยความทั้งเจ็บและแค้นที่ทำกับฮีโร่เขาจึงตะลุมบอนกับไอ้แดงและเพื่อนๆมันก็ช่วยอีกแรง โจอี้สะบัดตัวออกได้จะวิ่งเข้าไปช่วยฮีโร่ แต่โดนไอ้แดงดึงล้มลงด้วยกัน เพื่อนๆมันจะเข้าไปช่วยรุมอีกแต่ทว่าทุกคนต้องหยุดชะงักเมื่อเห็นสิ่งหนึ่งชูคออยู่เหนือหัวของไอ้แดงและโจอี้  ไอ้แดงตะโกนให้เพื่อนๆช่วย แต่พวกนั้นก็ถอยหนีออกห่าง โจอี้บอกไอ้แดงอยู่นิ่งๆเพราะถ้าขยับงูจะฉกเอาได้ ไอ้แดงร้องไห้ออกมาด้วยความกลัว งูเห่าตัวนั้นยังคงชูคอและเสียงขู่ฟ่อๆอยู่ไม่ห่าง ด้วยความอยากจะช่วยเพื่อนไอ้ช้างจึงโยนกิ่งไม้หวังว่าจะไล่งูได้ แต่ว่ากลับทำให้มันโกรธหนัก โจอี้และไอ้แดงมองงูที่ยืดตัวขึ้นสูงกว่าเดิมสัญชาตญาณรู้ได้เลยว่ามันจะฉกพวกเขาแน่ๆ โจอี้ผลักไอ้แดงออกไปให้ห่างจากงู  จังหวะนั้นโจอี้คิดว่าตัวเองไม่รอดแน่ๆได้แต่หลับตาพร้อมรับชะตากรรม

           แต่ทันใดนั้นฮีโร่กระโดนลอยข้ามตัวโจอี้ไป ฟัดเหวี่ยงอยู่กับงูตัวนั้นเลือดกระเด็นโดนโจอี้และไอ้แดงที่อยู่ไม่ไกล ไม่รู้ว่าเลือดของใคร แต่ที่แน่ๆงูตัวนั้นโดนเหวี่ยงออกมาและนอนนิ่งเต็มไปด้วยเลือด ส่วนฮีโร่นอนหายใจหอบแรงๆอยู่ที่เดิม โจอี้รีบวิ่งเข้าไปหาฮีโร่พร้อมกับร้องไห้อย่างแรง ไอ้แดงเห็นแบบนั้นก็เข้าไปช่วยดูอีกแรง และเรียกเพื่อนๆให้ช่วยกันหามฮีโร่กลับบ้าน เมื่อมาถึงบ้านยายเห็นสภาพของทุกคนก็ตกใจ และยิ่งตกใจเมื่อเห็นฮีโร่มีแต่เลือดเต็มตัว โจอี้รวมถึงแก้งค์ไอ้แดงร้องไห้พร้อมกับแย่งกันเล่าให้ยายฟังจนไม่ได้ศัพท์  เมื่อเวลาผ่านไปเสียงร้องไห้ค่อยๆหยุดลง ทุกสายตาต่างจับจ้องไปที่ฮีโร่ ผู้ปกครองของเด็กๆกลุ่มนั้นก็ตามมา พ่อของไอ้ช้างที่ทำงานเป็นอาสาสมัครได้ฟังเรื่องราวจึงเข้าไปดูอาการฮีโร่และกลับไปบ้านกลับมาพร้อมกลับยาทำแผลและเข็มฉีดยาเข็มนึง และบอกว่าฮีโร่ไม่มีร่องรอยงูฉกมีแต่รอยฟกช้ำและแผลถลอก ไอ้แดงและเพื่อนๆต่างก้มหน้าสำนึกผิดเพราะเป็นคนทำฮีโร่เอง หลังจากจัดการทุกอย่างแล้วทุกคนก็กลับบ้าน คืนนั้นโจอี้นอนไม่หลับนั่งเฝ้าฮีโร่ทั้งคืนจนเผลอหลับไป มารู้ตัวอีกทีเมื่อรู้สึกตัวว่ามีอะไรเปียกๆที่ใบหน้า เมื่อลืมตาขึ้นมาเจอเจ้าฮีโร่เลียหน้าเขาพร้อมกับกระดิกหางเบาๆ โจอี้ดีใจกอดฮีโร่พร้อมกับร้องไห้อีกครั้ง  

               วันถัดมาถึงเวลาต้องไปโรงเรียนอีกครั้งโจอี้คิดหนักว่าเขาจะเจออะไรบ้าง เมื่อเดินเข้าห้องก็เจอกลุ่มไอ้แดงนั่งรออยู่ ไอ้แดงรีบเดินเข้ามาหาโจอี้ ส่วนโจอี้ตกใจรีบถอยหลังแต่กลับชนเข้ากับไอ้ช้างและไอ้ไข่ ส่วนไอ้แดงรีบวิ่งเข้ามาสมทบอีก และกระโดนเข้ากอดคอโจอี้พร้อมกับขอบใจที่ช่วยมันจากงูฉกวันนั้นและบอกว่าต่อไปจะไม่แกล้งโจอี้อีก พร้อมกับจะเป็นเพื่อนกับโจอี้ คุณครูสมศรีมองภาพนั้นพร้อมกับยิ้มอย่างสุขใจที่เด็กๆสามัคคีกันสักที  ตอนนี้กลุ่มไอ้แดงเป็นแขกประจำที่บ้านโจอี้ ทั้งหมดมาวิ่งเล่นกลางทุ่งนา หาปลา เล่นน้ำ  สนิทจนกระทั่งมานอนค้างด้วยกัน โดยมีฮีโร่นอนกลางวง ฮีโร่กลายเป็นเพื่อนสนิทสี่ขากับแก้งค์เด็กๆ ไปไหนไปด้วยกัน ไปแม้กระทั่งโรงเรียนจนคุณครูดุอยู่บ่อยครั้ง แต่ก็อนุโลมให้ฮีโร่นอนรอหน้าห้องเรียน  ตอนนี้โจอี้มีความสุขมากจนลืมไปว่า “แม่” ของเขาจะกลับมารับ

          ในวันที่แม่ของโจอี้มาลาออกจากโรงเรียนให้เพราะต้องย้ายไปอยู่ต่างประเทศกับพ่อ โจอี้ไม่อยากไปแม้แต่น้อย เพื่อนๆต่างร้องไห้ระงม แต่ยิ่งกว่านั้นเมื่อต้องรู้ว่าต้องจากยายและฮีโร่ โจอี้ยิ่งไม่อยากไปแต่ก็ขัดแม่ไม่ได้ ยายสัญญาว่าจะเลี้ยงฮีโร่อย่างดี ส่วนพวกไอ้แดงก็จะช่วยดูแลฮีโร่อีกแรง ทั้งหมดกอดกันร้องไห้ฮีโร่ดูเหมือนจะรู้เรื่องวิ่งเข้าไปกลางวงนั้นครางหงิงๆเหมือนจะร้องไห้ตาม ยายก็อดน้ำตาไหลไม่ได้ แต่เมื่อถึงเวลาลาทุกคนก็ต้องจากกัน  และทุกอย่างก็เงียบสงบลงคนข้างหลังก็เต็มไปด้วยความเศร้า และคนที่จากมาก็เต็มไปด้วยความอาลัย

          3 เดือนผ่านไป ณ บ้านหลังเดิมที่มียายสูงอายุอาศัยอยู่กับสุนัข บ้านที่เต็มไปด้วยเสียงหัวเราะก็เงียบสงัด เจ้าฮีโร่เอาแต่นั่งเหม่อมองทางสุดท้ายที่เขาเห็นโจอี้จากไปจากที่ยืดลำตัวขึ้นนั่งรอ มันก็ค่อยๆย่อตัวลงจนกระทั่งนอนเต็มตัว  “ฮีโร่”  ใบหูฮีโร่กระดิกเมื่อได้ยินเสียงที่คุ้นเคย ดวงตาที่ว่างเปล่ามาหลายเดือนกลับสดใสขึ้นมา เสียงเห่าสลับแกว่งหางอย่างแรง ตรงหน้าคือโจอี้ไม่ผิดแน่ ทั้งสองวิ่งโผเข้าหากันอย่างคิดถึง แม่ของโจอี้บอกว่าโจอี้ต้องการกลับมาอยู่กับยายเพื่อดูแลยาย เมื่อเห็นลูกไม่มีความสุข แม่โจอี้จึงยอมกลับมาส่ง เมื่อไอ้แดงรู้ว่าโจอี้กลับมาทุกคนก็มารวมตัวกันอีกครั้ง ความมีชีวิตชีวาของบ้านหลังนั้นก็เกิดขึ้นอีกครั้ง   มิตรภาพอาจจะไม่ได้เกิดขึ้นแค่ระหว่างคนกับคนเสมอไป และมิตรภาพอาจจะไม่ได้เริ่มต้นด้วยเรื่องราวที่ดีเสมอไป เหมือนกับที่โจอี้และกลุ่มของไอ้แดง และโจ้อี้กับเพื่อนรักสี่ขาของเขา “เจ้าฮีโร่” ….