
“ลูน่า” เด็กสาววัย 15 ปี ที่ฝันอยากเป็นแม่มดที่เก่งกาจเหมือนคุณยาย แต่ปัญหาคือ… เธอเป็นแม่มดที่ใช้เวทมนตร์ไม่ได้เลย! เพราะแม่ของเธอเป็นแม่มดแต่พ่อเป็นมนุษย์ธรรมดา คุณยายเธอบอกว่าเธอต้องหาวิธีเรียกความเป็นแม่มดในตัวเธอออกมาเอง โดยเธอต้องหาวิธีนั้นเอง ด้วยวัย 15 ลูน่าไม่เข้าใจในสิ่งที่ยายสื่อถึงเธอ เด็กสาวคิดถึงวิธีที่จะทำให้เธอเรียกใช้เวทมนต์ได้ด้วยวิธีต่างๆนาๆ แต่ก็ไม่ได้ผลจนเธอเริ่มท้อ คุณยายที่เฝ้ามองหลานสาวมาตลอดจึงเอ็นดูในความพยายามของลูน่า คุณยายเปิดทางให้ลูน่าใกล้ความจริงมากขึ้นด้วยการมอบบางอย่างให้เธอ
อยู่มาวันหนึ่ง เธอได้รับมรดกเป็น “ร้านขนมเวทมนตร์” จากคุณยาย ร้านตั้งอยู่กลางเมืองเล็กๆ ดูเหมือนร้านขนมธรรมดา แต่ความจริงแล้ว ขนมทุกชิ้นจะมีพลังพิเศษ สามารถทำให้ความปรารถนาของผู้ที่กินเป็นจริงได้ 🍰🔮 หากลูน่าทำได้นั่นหมายถึงเธอจะใช้พลังวิเศษได้ แต่มีเงื่อนไขว่า…💡 “ขนมแต่ละชิ้นต้องทำด้วยความจริงใจ และต้องเหมาะกับผู้ที่กินเท่านั้น!”
แต่ปัญหาใหญ่คือ ลูน่าทำขนมไม่เก่งเลย! 🍪🔥 (ขนาดทำคุกกี้ธรรมดายังไหม้…) 😅 เธอจึงต้องร่วมมือกับเพื่อนชื่อ “ออเรน” หนุ่มลูกครึ่งมนุษย์-ปีศาจ ที่เป็นพ่อครัวขนมหวานมือหนึ่ง (แต่ขี้เก๊กสุดๆ) เพื่อรักษาร้านนี้ไว้ให้ได้ วันแรกของการเปิดร้านเต็มไปด้วยความโกลาหล…ลูกค้าสั่งพายแอปเปิ้ลที่ทำให้ยิ้มได้ให้กับน้องสาวที่ตอนนี้เขาเศร้าสุดๆเพราะแมวน้อยที่รักหายไป แต่ลูน่ากลับทำพายแอปเปิ้ลที่ทำให้คนกิน หัวเราะไม่หยุด 🤣🍎 จนคุณยายต้องมาแก้สูตรให้ ส่วนออเรนเผลอใช้เกลือแทนน้ำตาลในมาการอง ทำให้คนกิน กลายร่างเป็นลูกบอลกลมๆ ⚽😂
แต่แล้ววันหนึ่งลูน่ากับออเรนก็ยืนตัวแข็ง เมื่อลูกค้าที่มาร้านคือคือ “เอลฟ์ ฉายาขี้โมโห” มาสั่งขนมที่ทำให้เขาใจกล้า ทั้งลูน่าและออเรนทำขนมด้วยความลนลาน จนเอลฟ์ไม่พอใจที่รอนานโวยวายว่าขนมของร้านนี้ไร้ค่า จนลูน่าหงุดหงิดและเผลอเสิร์ฟ “คุกกี้ความจริง” ให้เขา 🍪🔮 ผลลัพธ์คือ… เอลฟ์คนนั้นเริ่มพูดความจริงออกมาทุกอย่าง จนสารภาพรักกับสาวที่แอบชอบต่อหน้าคนทั้งร้าน! 💘 (เขาหน้าแดงมากก่อนจะวิ่งหนีไป 555+)
ในระหว่างที่ลูน่าและออเรนกำลังพยายามกู้สถานการณ์กลับมา พ่อมดปริศนาในชุดคลุมดำ ก็ปรากฏตัวขึ้นที่หน้าร้าน เขาคือ “ซาเลม” เจ้าของร้านขนมคู่แข่ง ที่มาพร้อมรอยยิ้มเจ้าเล่ห์และขนมที่สวยงามจนดูเหมือนต้องมนตร์ ✨“ร้านของเด็กฝึกหัดแบบเธอ จะสู้ร้านของฉันได้เหรอ?” ซาเลมพูดอย่างท้าทาย ก่อนจะเสกขนมปังให้ลอยไปเสิร์ฟลูกค้าอย่างสมบูรณ์แบบลูน่ากัดฟันแน่น… เธออาจใช้เวทมนตร์ไม่ได้ แต่เธอจะทำให้ทุกคนเห็นว่าขนมที่ทำด้วยหัวใจ มีพลังมากกว่าขนมที่เสกขึ้นมาด้วยเวทมนตร์! 🔥
หลังจากนั้นซาเลมก็เข้ามาป่วนร้านของลูน่าประจำ เพราะเขารู้ว่าร้านของลูน่ากำลังจะมีชื่อเสียง และแย่งลูกค้าร้านเขาไป ซาเลมพยายามทำให้ร้านลูน่าปิดตัวลงด้วยวิธีต่างๆ เช่น ปล่อยข่าวลือว่าขนมของร้านเธอทำให้คนฝันร้าย การต่อสู้กับซาเลมที่มีเวทมนต์และแสนเจ้าเล่ห์ไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับลูน่า เธอมีแต่ความจริงใจที่ผสมสูตรขนมตามที่ลูกค้าต้องการเท่านั้น ร้านขนม 2 ร้านที่กำลังแข่งขันกันคิดสูตรออกมาเพื่อให้ประทับใจลูกค้าที่สุด การแข่งขันระหว่างความจริงใจกับมายาเวทมนตร์ – ขนมที่ทำจากใจจะเอาชนะขนมที่สร้างด้วยเวทมนตร์ได้หรือไม่น้า
ยายเห็นลูน่ามีสีหน้าเคร่งเครียดเนื่องจากซาเลมเป็นต่อเพราะมีเวทมนต์ ยายจึงปลอบลูน่าและให้กำลังใจ “ถึงตอนนี้หลานจะไม่มีเวทมนตร์ใดๆ แต่หลานมีหัวใจที่อ่อนโยน จริงใจ แทนที่หลานจะพยายามหาวิธีใช้เวทมนต์ให้ได้ ทำไมหลานไม่เอาสิ่งที่หลานมีอยู่ซึ่งในบางคนอาจจะไม่มีเลยมาใช้ละ” คำปลอบของยายทำให้ลูน่ายิ้มออกมาได้ “ใช่สิ่งที่ซาเลมไม่มีคือความจริงใจ และมิตรภาพ”
ลูน่าและออเรนกลายเป็นเพื่อนซี้คู่ใจกัน ช่วยกันคิดค้นสูตรขนมร่วมกันด้วยมิตรภาพที่แสนดี ทำให้ขนมทุกชิ้นมีพลังความสุขล้นเปี่ยม ใครซื้อไปกินก็จะมีพลังของความสุขที่เต็มเปี่ยมไปด้วยกำลังใจและมิตรภาพที่แสนดี จนร้านขนมของลูน่าเริ่มกลายเป็นสถานที่ที่ผู้คนมารวมตัวกันเพื่อแบ่งปันความสุข
ซาเลมพยายามใช้เวทมนต์บังคับจิตใจคนให้มาที่ร้านใส่ลงไปในขนม คนที่กินเข้าไปก็มีอารมณ์โมโหร้ายไปตามความคิดในขณะที่เขาทำขนม จึงไม่มีใครเข้าร้านของเขาเลย เขาจึงคิดจะไปหาเรื่องที่ร้านลูน่าแต่ทว่าเมื่อเขาเข้าไปบรรยากาศในร้านกลับทำให้เขารู้สึกใจเย็นลงด้วยเสียงหัวเราะ รอยยิ้ม ของคนที่มาซื้อขนม “ฉันยอมแพ้เธอ ฉันทำร้านขนมด้วยเวทมนต์ด้วยพลังวิเศษ จะเสกให้มีรสชาติดีเยี่ยม หรือภาพลักษณ์สวยงามเท่าไหร่ก็ได้ แต่ฉันกลับไม่เคยทำขนมออกมาด้วยมือฉันเองเหมือนที่เธอทำ ฉันขอเป็นเพื่อนกับเธออีกคนได้ไหม” ลูน่าและออเรนส่งยิ้มให้กันและพยักหน้าเป็นคำตอบ ตั้งแต่นั้นมาทั้งสองร้านก็ช่วยกันรังสรรคสูตรขนมที่มีแต่พลังบวก และพลังความสุขออกมา
ลูน่าทำร้านขนมจนลืมนึกถึงเรื่องการปลุกเวทมนต์ในตัวเธอ อยู่มาวันหนึ่งลูน่าค้นพบสูตรขนมวิเศษที่หายไปจากโลกเวทมนตร์ ซึ่งเป็นกุญแจสู่พลังที่แท้จริงของเธอ ตั้งแต่นั้นมาลูน่าก็สามารถใช้เวทมนต์ได้เหมือนแม่มดคนอื่น จากเมื่อก่อนเธอคิดว่าหากเธอใช้เวทมนต์ได้เธอจะใช้เพื่อสนองความต้องการของตัวเอง แต่เมื่อเธอมีแล้วเธอกลับใช้เมื่อยามจำเป็น และใช้อย่างถูกต้องไม่เบียดเบียนใคร ซึ่งเป็นสิ่งที่คุณยายต้องการให้ลูน่าเรียนรู้ด้วยตัวเองก่อนจะมีเวทมนต์นั่นเอง